รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐและรัสเซียพยายามที่จะป้องกันเหตุที่ทะเลดำไม่ให้ตึงเครียดมากขึ้น โดยพยายามคลี่คลายสถานการณ์หลังการปะทะกันระหว่างโดรนของสหรัฐกับเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียเมื่อวันอังคารที่ 14 มีนาคม
นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐได้หารือผ่านทางโทรศัพท์กับนายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียเมื่อวันพุธที่ 15 มีนาคม โดยรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดของการพูดคุยแต่ระบุว่า สหรัฐไม่หวั่นไหว
นายออสตินกล่าวว่า "สหรัฐจะยังคงบินและทำการบินในที่ใดก็ตามที่ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นหน้าที่ของรัสเซียที่ต้องทำการบินทางทหารในแบบมืออาชีพและปลอดภัย"
บรรดาเจ้าหน้าที่ของสหรัฐระบุว่า โดรนสอดแนมของตนบินตามภารกิจปกติในน่านฟ้าระหว่างประเทศเหนือทะเลดำ และกล่าวว่าเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียได้เข้าสกัดและปล่อยเชื้อเพลิงลงบนโดรนก่อนที่จะยิงใบพัด ซึ่งพวกเขาไม่แน่ใจว่าการปะทะกันเป็นการจงใจหรือไม่ กองทัพสหรัฐจำต้องปล่อยให้โดรนตกลงในน้ำ
อย่างไรก็ตาม รัสเซียได้ปฏิเสธว่าไม่มีการปะทะกันโดยตรง และวิจารณ์สหรัฐที่นำโดรนไปบินใกล้ไครเมีย ในพื้นที่ที่รัสเซียประกาศว่าห้ามเข้า
นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า "เพื่อความมั่นคงของโลก เหตุการณ์ใด ๆ ที่ยั่วยุให้เกิดการปะทะระหว่างสองมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดของโลก สองมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ ถือเป็นความเสี่ยงร้ายแรงสูงเสมอ"
รัสเซียระบุว่ากำลังพยายามกู้โดรน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทางทหารของสหรัฐระบุว่า น่าจะเป็นการ "ยาก" เนื่องจากโดรนจมลงใต้น้ำลึกกว่า 1,000 เมตร