ผู้นำของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ หรือ G7 มีความมุ่งมั่นที่จะให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียและคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรุกรานยูเครน “รับผิดชอบ” เหตุดังกล่าว ผู้นำกลุ่มประเทศ G7 ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่และเตือนว่าประเทศใดก็ตามที่สนับสนุนรัสเซียจะ “ต้องเผชิญผลที่ตามมาอย่างร้ายแรง”
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนได้เข้าร่วมการประชุมทางออนไลน์เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ บรรดาผู้นำได้ประณามสิ่งที่พวกตนเรียกว่า “สงครามที่ไม่มีปัจจัยยั่วยุ ไม่ชอบธรรม และไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ของรัสเซีย
ผู้นำยูเครนกล่าวว่า “คุณและผมสามารถทำให้ปี 2023 นี้เป็นปีแห่งการสิ้นสุดการรุกรานของรัสเซีย เป็นปีแห่งการหวนคืนสู่สันติภาพ”
นอกจากนี้ บรรดาผู้นำยังได้ประณาม “การใช้ถ้อยคำเกี่ยวกับนิวเคลียร์อันขาดความรับผิดชอบ” ของประธานาธิบดีปูติน และเรียกร้องนายปูตินรับผิดชอบต่อการตัดสินใจระงับการเข้าร่วมสนธิสัญญา New START กับสหรัฐ และยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเข้ายึดครองโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่
การคว่ำบาตรรอบใหม่นี้มีจุดประสงค์เพื่อลดความสามารถในการจัดหาเงินทุนทำสงครามของนายปูติน ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดเรื่องการห้ามส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมัน นอกจากนี้ ก็ยังใช้มาตรการคว่ำบาตรกับการส่งออกเพชร พร้อมกับการคว่ำบาตรสถาบันทางการเงินเพิ่มอีก
บรรดาผู้นำได้เห็นพ้องกันอีกครั้งที่จะสนับสนุนยูเครน “ไปให้นานตราบเท่าที่ทำได้” และว่าสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญโดยทันทีก็คือการจัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ กระสุน และรถถัง
นอกจากนี้ ก็ยังให้คำมั่นที่จะสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ 39,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ และกำลังเรียกร้องให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ยูเครนภายในสิ้นเดือนมีนาคม โดยยูเครนกำลังต้องการเงินอย่างน้อย 15,000 ล้านดอลลาร์